การปรับปรุงตนเอง
ผมเป็นคนที่สนใจในการสังเกตพฤติกรรมของคน โดยเฉพาะเวลาพูดว่าคนๆ นั้นเป็นคนอย่างไร นิสัยอย่างไร พื้นฐานครอบครัวเป็นมาอย่างไร โดยที่ไม่ได้เอามาวิพากษ์วิจารณ์ให้คนอื่นฟัง ยกเว้นเป็นผู้บริหารซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งจำเป็นต้องปรับปรุงพฤติกรรมเพื่อให้งานดีขึ้น แต่พอแนะนำก็จะพบว่าคนเป็นจำนวนมากรับไม่ได้หรือปฏิเสธ ซึ่งก็ไม่ได้แสดงออกด้วยคำพูด แต่ผมอ่านได้ว่าเขาเหล่านั้นเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร พร้อมที่จะรับไปปรับปรุงหรือไม่ยอมรับที่จะไปปรับปรุง บางคนเห็นด้วยและพร้อมที่จะไปปรับปรุง แต่เอาเข้าจริงๆ เค้าก็ลืมไป หรือรู้สึกว่าเวลาไปปรับปรุงก็ปรับปรุงไม่ได้เพราะติดปัญหาโน่นปัญหานี่
ผมมาทบทวนดูว่าทำไมคนจำนวนน้อยปรับปรุงได้ แต่คนอีกเป็นจำนวนมากปรับปรุงไม่ได้ก็มีข้อสรุปดังต่อไปนี้
- ไม่ชอบให้มีใครมาสั่งสอนแนะนำ
- ชอบเป็นตัวของตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ชอบให้ใครชี้นำ
- รู้สึกว่าทำตามคำแนะนำของคนอื่นเป็นการเสียศักดิ์ศรี
- เป็นคนที่เชื่อในความคิดของตนเองเท่านั้น
- เชื่อว่าคนที่จะแนะนำต้องเป็นคนที่ตนนับถือ เช่น พ่อ แม่ คนเก่งในสังคม ครูบาอาจารย์ พระสงฆ์ หรือผู้ที่ตนเชื่อว่าเป็นผู้รู้ (Kuru) ซึ่งอาจจะเป็นคนประเภทใดประเภทหนึ่งที่เอ่ยมาเท่านั้น
- เชื่อว่าตนเองไม่มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง
- มีความรู้สึกต่อต้านการเปลี่ยนแปลง หรือไม่ชอบที่จะเปลี่ยนแปลง หรือยึดติด
- ฯลฯ
พฤติกรรมเหล่านี้อยู่ในแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน และเป็นพฤติกรรมที่อยู่ในระดับจิตใต้สำนึก ซึ่งบางคนไม่รู้ตัวว่าตนเป็นอย่างนั้น แต่บางคนก็พอจะรู้ตัวว่าตนเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ได้คิดที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งผมเรียกว่า Mind Set ที่อยู่ในจิตใจของแต่ละบุคคล
Mind Set ต่างๆ เหล่านี้เกิดมาได้อย่างไร คำตอบก็คือ
- เกิดจากเหตุที่ทำให้เกิดผลตั้งแต่ชาติที่แล้ว
- เกิดจากเหตุที่ก่อให้เกิดผลในชาตินี้ตั้งแต่วัยเยาว์
- เกิดจากการกล่อมเกลาของสื่อต่างๆ ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ แต่ส่วนใหญ่จะมี แง่ลบมากกว่า
- เกิดจากการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาที่ไม่ครบถ้วน หรือนักศึกษารับมาไม่ครบถ้วน
- ฯลฯ
ถามว่าถ้าคนที่ไม่ชอบเชื่อหรือใส่ใจในคำแนะนำของผู้อื่น ถ้าอยากจะเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้นจากคำแนะนำของผู้อื่นจะต้องคิดและปฏิบัติตนอย่างไร?
คำตอบก็คือ
- ในการฟังต้องตั้งใจฟังอย่างมีสติ และพิจารณาในสิ่งที่เราฟังไปด้วย
- ต้องไม่คิดว่าสิ่งที่ฟังเป็นเรื่องไร้สาระหรือไม่น่าสนใจ หรือน่าเบื่อเพราะเรื่องไร้สาระและไม่น่าสนใจ ก็ทำให้เกิดประโยชน์และเกิดปัญญาได้
- ต้องเป็นคนใฝ่ดี (สัมมาทิฐิ) คิดว่าจะพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น มีจิตที่สูงขึ้น
- ลดความเป็นตัวตนของตน (อัตตา) ให้น้อยลง หรือหมดไปเลยก็ดี เพราะจะได้เปิดรับความคิดของผู้อื่นได้
- ต้องเชื่อว่าสิ่งที่รับมานั้นก็ไม่ใช่จะส่งผลดีต่อตัวเองได้ทุกเรื่อง แต่น่าจะมีส่วนที่ทำให้เราดีขึ้นได้ และน่าจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตและอนาคตของเราด้วย รวมทั้งทำให้เราเข้าใจสัจธรรมของชีวิตได้ดีขึ้น
การที่คนจะปรับปรุงพัฒนาตนเองได้นั้นต้องรู้จักการละทิฐิ และความเคยชินต่างๆ ทั้งทางกายและทางจิต และต้องหมั่นพิจารณาตนเองอย่างสม่ำเสมอ หรือแม้กระทั่งพิจารณาตนเองอย่างเป็นอัตโนมัติ และการที่จะทำให้ตนเองพิจารณาตนเองอย่างอัตโนมัติได้นั้นต้องเกิดจากการมีสติ และมีความใฝ่ดีในตนเองอยู่ตลอดเวลา การปรับปรุงพัฒนาตนเองถึงจะเกิดขึ้นได้
ที่มา นสพ. กรุงเทพธุรกิจ : คอลัมน์ 20 CEOs 20 IDEAs
วันที่เขียน 01/09/2008 วันที่ตีพิมพ์ 15/10/2008
บันทึกบทความเมื่อ 15/10/2008 10:46:22 โดย Narin
ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อ 15/10/2008 10:46:22 โดย Narin