ต่างชาตินิยม
ในโลกปัจจุบันความรวดเร็วในการสื่อสารทำให้คนไทยได้รับรู้ข่าวสาร เหตุการณ์ต่างๆ ทั่วโลกได้เร็วและมากขึ้นด้วย รวมทั้งได้บริโภคผลิตภัณฑ์ ความบันเทิงต่างๆ จากต่างประเทศเยอะกว่าแต่ก่อนมาก
สิ่งที่เราได้มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์และสารสนเทศต่างๆ จากต่างประเทศก็คือ วัฒนธรรม พฤติกรรม นิสัยต่างๆ ของคนในประเทศที่ส่งออกสินค้ามาให้เราด้วย รวมทั้งสิ่งดีๆ ที่ประเทศของเขามีมาให้เราได้รับรู้ด้วย ประเทศต่างๆ ที่ส่งสินค้า หรือวัฒนธรรมต่างๆ มาในประเทศเราก็คงต้องส่งแต่สิ่งที่ดีๆ ของประเทศของเขามาให้เรา มิฉะนั้นเราจะบริโภคสินค้าเหล่านั้นหรือ?
การที่เราบริโภคสินค้าหรือสื่อต่างๆ จากต่างประเทศ ทำให้เรามีความนิยมหรือมีความชื่นชมในประเทศเหล่านั้นมากขึ้นไปด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดที่คนไทยจะรู้สึกเช่นนั้น เพราะเป็นเรื่องปกติที่ถ้าใครให้หรือทำสิ่งที่ดีๆ กับเรา เราก็ย่อมมีความรู้สึกดีๆ กับคนผู้นั้น
เนื่องจากเราอยู่ในประเทศไทย และได้มีโอกาสสัมผัสกับสินค้า หรือสื่อต่างๆ ที่ประเทศต่างๆ ส่งมาให้เราบริโภค แต่เราไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปอยู่ในบรรยากาศของคนประเทศนั้นๆ นานพอที่จะได้สัมผัสชีวิตที่แท้จริงของเขา มีคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศนานๆ แล้วกลับรู้สึกชอบเมืองไทยมากขึ้น อยากกลับมาอยู่ในประเทศไทย และบอกว่าประเทศที่เขาอยู่นั้น คนเห็นแก่ตัว ไม่โอบอ้อมอารีเหมือนคนไทย ตัวใครตัวมัน ก้าวร้าว ฯลฯ เข้าตำรา “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า” คนต่างชาติที่อยากมาอยู่เมืองไทยก็มีมาก ก็เข้าตำราเดียวกัน
คนไทยเป็นจำนวนมากไม่ค่อยได้พิจารณาเรื่องที่ผมกล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะเมื่ออยู่ในประเทศไทยก็ได้ยินข่าวที่ไม่ดีๆ เกี่ยวกับประเทศของเรามากไปหมด แต่ได้ยินข่าวไม่ดีเกี่ยวกับประเทศอื่นน้อยกว่าเยอะ หรือไม่ก็กระจายๆ กันไป ทำให้เรารู้สึกไม่ดีต่อประเทศของเรา และกลับชื่นชมกับสิ่งต่างๆ ที่ประเทศอื่นบางประเทศที่เขามี และอยากให้ประเทศไทยมีเหมือนกับประเทศอื่นๆ เหล่านั้นด้วย โดยไม่คำนึงถึงสถานภาพทางเศรษฐกิจ การศึกษา สังคม และประวัติศาสตร์ว่าแตกต่างกันและเป็นมากันอย่างไร ทำให้คนเหล่านี้รู้สึกว่าประเทศไทยและคนไทยแย่มาก ด้อยพัฒนา สู้ประเทศอื่นๆ
ไม่ได้ และไม่สามัคคี ฯลฯ คนเหล่านี้ลืมไปว่าตนเองก็เป็นคนไทย หรืออาจจะยกตัวเองเป็นคนไทยชั้นพิเศษ (First Class Thai Citizen) ที่เหนือกว่าคนไทยทั้งปวง
ผมอยากให้คนไทยชั้นพิเศษเหล่านี้ช่วยใช้ความคิดพิจารณาว่าเมืองไทยเรามีดีอยู่เยอะ ต่างชาติที่ชื่นชมคนไทยก็มีเยอะ ท่านเองนี่แหละที่ไม่รู้จักชื่นชมคนไทย ไปชื่นชมอะไรๆ ดีๆ ที่ต่างชาติมีแต่เมืองไทยไม่มี ซึ่งผมเรียกว่า ต่างชาตินิยม ซึ่งในอดีตเป็นหนักกว่านี้อีก แต่เดี๋ยวนี้เมืองไทยมีหลายๆ อย่างที่ดีในด้านวัตถุที่ประเทศที่พัฒนาแล้วยังไม่มีอีกหลายอย่าง แต่ในเรื่องวัฒนธรรมของเราดีมานานแล้ว ไม่ต้องพยายามเอาวัฒนธรรมของประเทศอื่นมาเพิ่มมาก ถ้าวัฒนธรรมเราจะเปลี่ยนไปก็ขอให้เปลี่ยนไปตามธรรมชาติ เพราะทุกอย่างเป็นอนิจจัง ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาทั้งสิ้น และถ้าคนไทยชั้นพิเศษเหล่านี้คิดจะช่วยประเทศชาติ ก็ต้องคิดว่าจะช่วยด้วยวิธีอย่างไร และใช้แรงกาย แรงใจ แรงสมอง แรงทรัพย์ แรงเสียสละของตนที่จะทำให้ประเทศและคนไทยดีขึ้นตามที่ตนเห็นว่าน่าจะเป็น ไม่ใช่แค่ตำหนิ ว่ากล่าว เรียกร้องให้คนไทยเปลี่ยน เรียกร้องให้สังคมเปลี่ยน หรือเรียกร้องให้รัฐบาลไปจัดการให้เปลี่ยน โดยที่ตนเองก็ได้แต่พูด ได้แต่ตำหนิ
อย่างเช่นเราชอบพูดว่า การศึกษาในประเทศเราแย่ นักเรียนที่เรียนจบมาไม่เก่ง ไม่ดีก็เพราะครูบาอาจารย์ไม่ดี และครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทย และหลายๆ คนก็เรียนมาจากต่างประเทศ ระดับปริญญาเอกก็มาก ทำไมไม่สอนให้คนไทยได้ดีตามที่ตนต้องการ อาจารย์หลายท่านก็อาจจะพูดว่า นักศึกษาหรือเด็กไทยไม่ดี สู้เด็กฝรั่ง เด็กญี่ปุ่นไม่ได้เพราะเขามีวินัย และเราไม่มีวินัย ต้องถามว่าใครต้องสอนวินัยเด็ก และถามอีกว่าคนสอนเป็นคนที่มีวินัยในตัวเองดีแล้วหรือไม่ อย่างไร
บางคนชอบยกตัวอย่างเล็กๆ ว่า เด็กฝรั่ง เด็กญี่ปุ่นดีอย่างไร แล้วก็เอาเรื่องมาถล่มเด็กไทยว่าสู้คนอื่นไม่ได้ ผมมีความเชื่อว่าคนไทยขาดวินัยและก็จะสร้างคนไทยให้มีวินัยมากขึ้น และต้องเริ่มจากการทำคนที่ชอบพูดว่าเด็กไทยให้มีวินัยด้วย วินัยนั้นก็ประกอบขึ้นหลายอย่างเช่น วินัยในการคิด วินัยในการทำงาน วินัยในการพูด วินัยในการฟัง วินัยในการอยู่ในสังคม วินัยของครอบครัว ฯลฯ ซึ่งคนในหลายประเทศก็อาจจะดีกว่าเราในข้อหนึ่ง แต่ก็อาจจะสู้เราไม่ได้ในอีกข้อหนึ่ง ขอให้รู้จักดูภาพรวม ภาพกว้าง ไม่ใช่เพียงแต่ดูจากประสบการณ์ใกล้ตัวแต่เพียงอย่างเดียว
ที่มา นสพ. กรุงเทพธุรกิจ : คอลัมน์ 20 CEOs 20 IDEAs
วันที่เขียน 01/08/2008 วันที่ตีพิมพ์ 15/10/2008
บันทึกบทความเมื่อ 15/10/2008 10:39:40 โดย Narin
ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อ 15/10/2008 10:39:40 โดย Narin