คิดค้า คิดขาย : คิดอย่างไรกับเศรษฐกิจอเมริกาช่วงนี้
เศรษฐกิจฟองสบู่แตกที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยก็เกิดขึ้นแล้วที่อเมริกาที่เราเรียกกันว่า Hamburger Crisis ผมเคยพูดกับหลายๆ คนตั้งแต่ผมกลับจากเรียนที่อเมริกาเมื่อ 30 ปีก่อนว่าเศรษฐกิจอเมริกาต้องประสบปัญหาแน่ แต่อเมริกาก็สามารถประคับประคองเศรษฐกิจของตัวเองไม่ให้ล่มจนถึงเมื่อเดือนกันยายน 2008 ที่ผ่านมานี้
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมคิดเช่นนี้ทั้งๆ ที่ผมเพิ่งเรียนจบมาจากอเมริกาใหม่ๆ และไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์ด้วย ดังที่จะเรียบเรียงเป็นข้อๆ ดังนี้
- ประเทศอเมริกามีทรัพยากรในประเทศมากและเป็นประเทศที่ใหญ่ ทำให้ประชาชนอเมริกันไม่ต้องขวนขวายหรือขยันมากก็มีรายได้พอกินพอใช้
- ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานถูกจัดไว้ดีมากโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ จนทำให้คนอเมริกันขาดการพัฒนาตนเองในระดับประชาชน เพราะทุกอย่างถูกจัดไว้เรียบร้อยหมดจนทำให้คนอเมริกันไม่สนใจในการเรื่องประสิทธิภาพและความประหยัด ตัวอย่าง ที่ผมสังเกตก็คือ รถอเมริกันเกือบ 100% เป็นเกียร์อัตโนมัติเพราะคนอเมริกันขับเกียร์ธรรมดาไม่เป็นเสียส่วนใหญ่ และเป็นรถที่สิ้นเปลืองน้ำมันมาก บริษัทรถยนต์ทั่วโลกต้องสร้างรถเกียร์อัตโนมัติมาขายในอเมริกาเพราะอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ แล้วตอนที่ผมอยู่ที่อเมริกา รถอเมริกันจะไม่มีเกจ์ความร้อน เพราะถึงมีเกจ์ความร้อนคนอเมริกันส่วนใหญ่ก็ไม่สนใจดูหรือดูไม่เป็น ฉะนั้นรถอเมริกันจะมีแค่ไฟเตือนสีแดงถ้าเครื่องร้อนจัดและให้หยุดรถแล้วติดต่อ Dealer โทรศัพท์ในอเมริกาในตอนนั้นใช้ระบบเหมาจ่ายรายเดือน ทำให้คนอเมริกันรวมทั้งนักเรียนไทยที่อยู่อเมริกาจะคุยโทรศัพท์กันนานมาก ไม่รู้คุณค่าของเวลาและไม่มีประสิทธิภาพในการดำเนินชีวิต
- ความสะดวกสบายของคนอเมริกันทำให้คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่กระตือรือร้น ไม่ขยัน ไม่สนใจองค์กรที่ตนทำงาน สนใจแต่การทำให้ตนมีความสบายหรือเรียกร้องความสบายให้ตนเองมากขึ้นๆ
- เนื่องจากอเมริกาเป็นประเทศใหญ่ คนอเมริกันก็ดูหรือเที่ยวในประเทศของตนไม่ทั่วอยู่แล้ว ฉะนั้นทำให้ความสนใจในประเทศอื่นๆน้อย ทำให้ขาดความเข้าใจในเรื่องพื้นฐานทางวัฒนธรรมและพฤติกรรมของคนในประเทศอื่น
- รัฐบาลแต่ละรัฐบาลจะขึ้นมาได้ต้องอาศัยการสนับสนุนของประชาชนอย่างมาก และถ้าอยากจะได้รับการเลือกตั้งในสมัยหน้าต้องเอาใจประชาชน โดยการให้ประชาชนได้สิ่งที่ประชาชนต้องการ ไม่ว่าจะหามาได้ด้วยวิธีที่เหมาะสมหรือไม่ก็ตาม เพื่อให้พรรคได้รับการเลือกตั้งในสมัยต่อไป เพราะผลประโยชน์จากการได้เป็นรัฐบาลก็มากมายและอาจจะมากกว่าเมืองไทยเสียอีก แต่รัฐบาลอเมริกาเนียนกว่ารัฐบาลแบบไทยๆมาก
- รัฐบาลไหนที่ขึ้นมาก็ต้องแสดงผลงานไม่ว่าจะเป็นผลงานที่ดีจริงหรือไม่ก็ตามก็ต้องแสดงออกมาให้ดี ซึ่งทำให้รัฐบาลอเมริกาเป็นรัฐบาลที่สร้างภาพได้เก่งที่สุดประเทศหนึ่ง และปกปิดจุดอ่อนของตนเองได้เก่งที่สุดเช่นกัน
- ตั้งแต่ประธานาธิบดี Kennedy ได้พูดคำว่า “Ask not what the country can do for you , but ask what you can do for the country” ซึ่งแปลว่า “อย่าถามว่าประเทศจะทำอะไรให้ท่านได้ แต่จงถามตัวท่านว่าจะทำอะไรให้กับประเทศได้” ซึ่งผมเห็นว่าเป็นคำพูดที่แสดงความเป็นชาตินิยม ไม่ใช่ประชานิยม แต่หลังจาก Kennedy ผมไม่มั่นใจว่ามีประธานาธิบดีคนไหนที่พูดอะไรทำนองนี้อีก ซึ่งเท่าที่ได้ยินมักจะพูดว่า อเมริกาเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ คนอเมริกันก็เป็นคนที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นการพูดเอาใจคนอเมริกันของประธานาธิบดี
- นักเรียนไทยที่ไปเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกาก็มักจะไปซึมซับความคิดความอ่านแบบฉบับคนอเมริกันกันมา และหลายคนมีความชื่นชมในระบบการทำงาน ระบบการเมืองของอเมริกา และมักจะเอาประเทศไทยมาเปรียบเทียบว่าอเมริกาดีกว่าอย่างไร โดยไม่ได้พิจารณาว่าอเมริกาและคนอเมริกันมีจุดอ่อนอีกมากมายเมื่อเทียบกับประเทศไทย และถ้าเป็นอาจารย์ก็มักจะเอาหลักคิดหลักการต่างๆ ที่เรียนมาจากอเมริกามาสอนพร้อมกับการตำหนิประเทศไทยว่าไม่พัฒนาและสู้เขาไม่ได้
- ในวงการธุรกิจ โครงสร้างการจัดการและบริหารงานของอเมริกันมักจะเป็นระยะสั้น เพราะฝากความหวังทุกอย่างไว้ที่ CEO, CEO ซึ่งส่วนใหญ่ทำตัวเป็นมือปืนรับจ้างหรือมืออาชีพ ซึ่งเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นหวังจะให้บริหารและทำกำไรให้กับองค์กร CEO ก็มักจะเรียกร้องผลประโยชน์ให้ตนเองให้มากที่สุด และทำสัญญาให้ไม่สามารถถูกไล่ออกโดยไม่มีค่าชดเชย แต่เนื่องจากผู้ถือหุ้นหรือเจ้าของไม่สนใจจะบริหารธุรกิจ เพราะมีเงินมีหุ้นอยู่มากพอแล้วก็มักเตรียมจะไปเสวยสุข CEO จึงมักเรียกร้องเงื่อนไขต่างๆได้สำเร็จ CEO ก็จะทำกำไรในบัญชีให้มากเข้าไว้เพราะทำได้มากก็ได้ส่วนแบ่งหรือรางวัลมาก และมักจะเป็นกำไรระยะสั้นโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบระยะยาวที่จะเกิดขึ้นกับองค์กรหรือพนักงานในองค์กรจะมีมากน้อยแค่ไหน
- ธุรกิจในอเมริกาไม่ค่อยสนใจเรื่องจิตใจคน กลับสนใจตัวเลขกำไรหรือผลงานเป็นหลัก ซึ่งสะท้อนอยู่ในการสอนของ MBA ซึ่งมักเน้นตัวเลข ผลงานและข้อมูล โดยมักไม่คำนึงถึงจิตใจของคนงาน คนงานก็ไม่คำนึงถึงองค์กรหรือผู้บริหาร ลักษณะสไตล์ธุรกิจแบบอเมริกันก็แผ่เข้ามาในประเทศไทยและในเกือบทุกประเทศทั่วโลกโดยผ่าน Professor ดังๆ ที่มาบรรยายในยุคประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา สรุปว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่เน้นความสุขสบายส่วนตัวและไม่ค่อยเน้นเรื่องจิตใจของผู้อื่น
- เนื่องจากอเมริกาผลิต Computer และ Software ได้มากกว่าประเทศอื่นๆ ฉะนั้นอเมริกาจะสนับสนุนให้คนทั่วโลกสนใจเรื่องข้อมูลข่าวสาร และพยายามชี้ว่าข้อมูลข่าวสารเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด อเมริกันได้สร้างให้คนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าเชื่อและหลงใหลในเรื่องข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งความบันเทิงต่างๆ ทาง Internet เพราะทำให้ยอดการส่งออก Software และ Hardware จากอเมริกาดี ทั้งๆที่ Software จำนวนหนึ่งคนไทยเป็นคนรับจ้างเขียนแต่ส่งออกหรือเป็นลิขสิทธิ์ของอเมริกัน
ทั้งหมดนี้เป็นความคิดที่ผมเขียนคร่าวๆ เพื่อให้ผู้อ่านบางท่านที่อาจจะมีความคิดอย่างผมจะได้รู้ว่ามีเพื่อนบ้าง และนี่เป็นเหตุผลที่ใช้ในการพิจารณาว่าอเมริกาต้องมีวันนี้แบบนี้เพราะอะไร
แต่โดยส่วนตัวผมไม่มีอะไรต่อต้านคนอเมริกันเลย หลายๆคนที่รู้จักเป็นคนนิสัยดี แต่ที่ผมพูดทั้งหมดนี้คือ ทัศนคติมวลรวม (Mass Mentality) ของคนอเมริกันซึ่งเกิดจากการหล่อหลอมของสิ่งแวดล้อมทั้งหลายทั้งปวงในอเมริกา แต่ยังเชื่อว่าถ้าอเมริกันประสบปัญหาแบบนี้บ้าง คนอเมริกันก็จะได้ปรับตัวให้มากขึ้นและเร็วขึ้น และด้วยระบบและการมีวิวัฒนาการที่ดีของคนอเมริกัน อเมริกาน่าจะฟื้นกลับมาได้ในไม่ช้า และยังคงความเป็นมหาอำนาจต่อไป แต่น่าจะทำให้คนอเมริกันมีสำนึกมากขึ้นว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคนเดียวอีกต่อไป
วันที่เขียน 12/11/2008 วันที่ตีพิมพ์ 12/12/2008
บันทึกบทความเมื่อ 12/12/2008 09:18:21 โดย Narin
ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อ 12/12/2008 09:18:21 โดย Narin