มุ่งมั่นอย่างไม่มีเงื่อนไข
พวกเราทุกคนคงเคยได้ยินได้พูดเรื่องคำว่า “มุ่งมั่น” แต่มีสักกี่คนที่เอาคำว่า “มุ่งมั่น” มาคิดไตร่ตรองถึงความสำคัญของคำว่า “มุ่งมั่น” ต่อชีวิตงานและชีวิตของตนเอง คำที่ใกล้ที่สุดในภาษาอังกฤษน่าจะเป็นคำว่า “Determination” อีกคำหนึ่งที่ใกล้กับคำว่ามุ่งมั่นคือคำว่า “ทะเยอทะยาน” ซึ่งภาษาอังกฤษก็จะใช้คำว่า “Ambition” อีกคำหนึ่งที่ใกล้กับคำว่ามุ่งมั่นคือ “ความปรารถนา” แต่ถ้าใกล้เข้าไปอีกน่าจะเป็นคำว่า “ปรารถนาอย่างแรงกล้า” คนเราส่วนใหญ่รู้จักคำว่า “มุ่งมั่น” แต่ไม่เคยทราบหรือคิดว่าความมุ่งมั่นนั้นมีผลต่อตัวเองอย่างไร ตั้งแต่ผมเริ่มทำงานผมบอกกับผู้บริหารว่าผมเป็นคนที่ไม่มีความทะเยอทะยาน เพราะคุณพ่อไม่เคยสอนให้ผมมีความทะเยอทะยาน คุณพ่อชอบสอนให้ผมเป็นคนที่รู้จักหน้าที่และรับผิดชอบต่อบริษัท ต่อพนักงานในบริษัททั้งหลายที่ผมดูแล และต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วย ตอนเด็กคุณพ่อสอนเช่นนี้ก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เนื่องจากคุณพ่อเป็นคนที่ชอบสอนบ่อยๆ ความรู้สึกถึงหน้าที่รับผิดชอบจึงซึมซับอยู่ในจิตใต้สำนึกของผม
การที่คุณพ่อผมไม่เคยสอนให้ผมมีความทะเยอทะยาน ทำให้ผมไม่เคยคิดอยากจะไปชิงดีชิงเด่นกับใครทั้งในเรื่องการเรียน การกีฬา และการทำงาน แต่เนื่องจากคุณพ่อและพี่ชายได้วางความคิด หลักคิดที่ดี โครงสร้างองค์กรที่ดีไว้ในระดับหนึ่งแล้วเมื่อ 30 ปีก่อน ทำให้ถึงขนาดที่ว่าผมไม่เป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน ธุรกิจและตัวผมก็ไปได้ดีมาโดยตลอด มีมรสุมก็ไม่หนักหนา อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเศรษฐกิจของประเทศไทยก็อยู่ในขาขึ้นมาเกือบตลอด 30 ปีเลยทีเดียวก็ว่าได้
หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 1997 ในประเทศไทยและลามไปถึงประเทศต่างๆ ในเอเซีย ประจวบกับที่ผมได้มีโอกาสไปเรียนรู้เรื่องจิตใต้สำนึกกับ อ.อมรา ตันณ์สมบุญ ในระหว่างเรียน อ.อมรา ก็จะพูดถึง การรักอย่างไม่มีเงื่อนไข มุ่งมั่นอย่างไม่มีเงื่อนไข คำว่าเงื่อนไขในด้านของความรัก ผมพอเข้าใจได้ก็คือ ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกเป็นความรักที่บริสุทธิ์ บริสุทธิ์มากกว่าความรักอื่นๆ ใด ผมก็คิดว่าเราก็น่าจะรักผู้อื่นได้โดยไม่มีเงื่อนไข หรือให้ผู้อื่นได้อย่างไม่มีเงื่อนไขเช่นกัน ซึ่งก็หมายความว่ารักหรือให้กับผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ซึ่งก็ตรงกับในศาสนาพุทธที่สอนว่า “ทำบุญอย่าหวังผล” ซึ่งคุณพ่อผมก็ได้ทำอย่างนี้มาโดยตลอด โดยสอนผมเป็นคติพจน์ว่า “เวลาใครทำดีกับเราเราต้องจำ แต่เวลาเราทำดีให้กับใครเราต้องลืม”
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ – ยกเครื่องความคิด
วันที่เขียน 02/02/2005 วันที่ตีพิมพ์ 02/02/2005
บันทึกบทความเมื่อ 06/09/2007 17:23:20 โดย Narin
ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อ 06/09/2007 17:23:20 โดย Narin