การอธิษฐานและการสาปแช่ง
การอธิษฐานซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Wish และการสาปแช่งซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Curse นั้น หลายๆ คนอาจจะไม่เคยคิดว่ามันมีผลมากหรือน้อย หรือไม่อย่างไร โดยความเชื่อของผมคนเดียวผมเชื่อว่ามีผลมาก เพราะการอธิษฐาน ถ้าอธิษฐานบ่อยในเรื่องที่เราอยากได้ อยากเป็น การอธิษฐานนั้นก็จะรับรู้โดยจิตใต้สำนึกเช่นเดียวกัน แต่จากที่ผมเคยกล่าวเอาไว้ว่า จิตใต้สำนึกมีพลังมากกว่าจิตสำนึกมาก และยังมีพลังอีกอย่างหนึ่งคือ พลังเหนี่ยวนำ ที่ภาษานักจิตเวชศาสตร์เรียกว่า Entrainment พลังเหนี่ยวนำ จากจิตใต้สำนึกก็จะทำให้สิ่งที่เราอธิษฐานเป็นจริงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะจิตใต้สำนึกเชื่อฟังจิตสำนึกอย่างไม่มีเงื่อนไข
ฉะนั้นเวลาเราอวยพรใครไม่ว่าด้วยความตั้งใจหรือไม่ ถ้าเราอวยพรคนนั้นๆ บ่อยๆ จิตใต้สำนึกก็จะใช้พลังไปทำให้คนที่เราอวยพรนั้น ได้รับสิ่งที่เราอวยพรไป ผมจึงนิยมทักทายคนด้วยคำพูดดีๆ หรือถ้าเป็นสุภาพสตรีและถ้าเขาแต่งตัวมาดีต้องรีบชมว่าเธอสวยไว้ก่อน จิตใต้สำนึกของเราจะได้ไปช่วยให้เธอสวยขึ้น และไม่ต้องกลัวนะครับว่าใช้จิตใต้สำนึกไปช่วยคนนั้นคนนี้บ่อยๆ จิตใต้สำนึกจะเหนื่อย เพราะจิตใต้สำนึกไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในทางตรงกันข้าม ถ้าเราสาปแช่งใครจิตใต้สำนึกของเราก็จะจัดการกับผู้นั้นตามคำสาปแช่ง ฉะนั้นกรุณาอย่าคิดว่าคำสาปแช่งเป็นการกระทำด้วยอารมณ์แต่มันมีเหตุผล และถ้าหลายๆคนรุมกันสาปแช่งก็ยิ่งมีผลมาก
ฉะนั้นจงทำดีเอาไว้ จะไม่มีใครสาปแช่งเรา ส่วนตัวผมเองจะไม่สาปแช่งใคร ถึงแม้คนผู้นั้นจะทำร้ายผมหรือทำไม่ดีกับผม ผมคิดไว้อย่างเดียวว่าผมไม่ต้องไปตัดสินหรือทำโทษเขาหรอก ให้พระเบื้องบนพิจารณาตัดสินคนๆ นั้นเอง อีกประการหนึ่ง ผมเชื่อว่า เวลาเราอวยพรใครจิตใต้สำนึกก็รับรู้ และจะทำให้ผู้ที่อวยพรได้รับพรไปด้วย ฉะนั้นจงเป็นคนที่ชอบอวยพรผู้อื่น คิดถึงแต่สิ่งดีๆ ของผู้อื่น และสิ่งดีๆ ก็จะได้กับตัวเราเองด้วยเหมือนดังคติพจน์ประจำใจของผมก็คือ
คิดดี พูดดี ทำดี สิ่งดีๆ ก็จะเกิดขึ้นกับตัวเรา
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ – ยกเครื่องความคิด
วันที่เขียน 02/02/2005 วันที่ตีพิมพ์ 02/02/2005
บันทึกบทความเมื่อ 13/07/2007 20:10:12 โดย Narin
ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อ 13/07/2007 20:10:12 โดย Narin