ตลาดประเทศไทย ตลาดปราบเซียนต่างประเทศ
ผมเป็นคนที่ช่างสังเกต ช่างวิเคราะห์ และที่สำคัญคือ “ช่างสรุป” โดยเฉพาะเรื่องพฤติกรรม ผมจึงไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานในเรื่องใดนานๆจนเกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะผมเชื่อว่าความถ่องแท้จริงๆหรือสุดๆนั้นไม่มีหรอกเมื่อเรารู้ เพื่อให้เราเกิดความเข้าใจ เกิดความรู้เพื่อเกิดข้อสรุปที่เพียงพอสำหรับการทำงาน การดำเนินชีวิตก็พอแล้ว
บางคนจะสรุปอะไรสักอย่างจะต้องใช้เวลามาก หาข้อมูลมาก หาข้อพิสูจน์มาก หาเท่าไรก็ไม่พอสักที พอจะเดาได้ว่าคนเหล่านี้มีความเป็นนักวิชาการสูง เพราะนักวิชาการนั้น มักจะเรียนรู้มาว่าทำอะไรต้องมีข้อพิสูจน์มีหลักฐาน มีข้อมูล มิฉะนั้นจะหาข้อสรุปไม่ได้หรือกลายเป็นว่าทำงานอย่างไม่มีหลักการ และผู้ที่เรียนหนังสือมายังถูกสอนด้วยอีกว่า เชื่ออะไรง่ายๆไม่ได้ ถ้าเชื่อง่ายๆจะเหมือนคนที่ไม่มีความคิดเป็นของตนเอง ไม่มีความสามารถหรือเป็นคนที่งมงาย
แต่ในการทำการตลาดซึ่งเป็นการทำงานของอนาคต หรือเตรียมตัวสำหรับอนาคต อนาคตไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ต้องเดาและต้องใช้การประเมิน ความเข้าใจ ซึ่งต้องใช้ทักษะในด้านความเข้าใจผู้บริโภค ซึ่งไม่ใช่ได้จากการอ่านข้อมูลวิจัยผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว นักการตลาดที่เก่ง หรือที่ดีจะต้องเป็นคนช่างสังเกต สนใจผู้อื่นอย่างหลากหลายเป็นคนอยากรู้อยากเห็น อยากทดลอง อยากทำ ต้องรู้จักเอาใจของตนไปใส่ในใจของผู้อื่นโดยเฉพาะผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย หรือเอาใจผู้บริโภคมาใส่ใจตน พูดง่ายๆก็คือ สวมหมวกหลายๆใบได้ นักการตลาดที่ไม่เข้าใจคน ยึดติดกับตำราหรือวิธีการใดวิธีการหนึ่งอาจจะทำการตลาดได้ไม่ดีเท่าที่ควร นักการตลาดที่ดีต้องมีความอ่อนตัวทางความคิด รับฟัง คิด วิเคราะห์ และสรุปได้โดยไม่ต้องรอข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน และไม่ยึดติดกับความคิดใดความคิดหนึ่งนาน เพราะเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนความคิดผู้บริโภคก็เปลี่ยน ประสบการณ์ที่ผิดและถูกที่ผ่านมา ไม่ว่าเล็ก ไม่ว่าใหญ่เป็นครูของเราทั้งนั้น ผมมีหลักคิดที่ใช้มาตลอด 30 ปี ก็คือ เรียนรู้ความผิดของผู้อื่น เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง
( learn from others’ mistakes so that you don’t have to learn from your own mistakes )
บางคนทำอะไรก็ตาม ใครเตือนก็ไม่เชื่อจะต้องทำให้ได้ และเมื่อผิดพลาดแล้วก็ยังสามารถโยนความผิดให้ผู้อื่นได้อย่างหน้าตาเฉย ดร.เทียม โชควัฒนา เคยกล่าวกับผมว่า “คนที่ทำผิดแล้วสามารถโยนความผิดให้ผู้อื่นได้ คนนั้นจะไม่พัฒนา”
จากการที่ได้สังเกตการทำการตลาดของประเทศไทย โดยคนไทยหรือคนต่างประเทศ จะพบว่า สินค้าบางอย่างประสบความสำเร็จมากในประเทศไทยมากกว่าประเทศอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับประเทศไทย และมีสินค้าบางตัวที่ต่างชาตินำมาทำตลาดในเมืองไทยก็ไม่ประสบความสำเร็จเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ตัวอย่างเช่น
- ประเทศไทยมียอดขายรถเบนซ์สูงติดอันดับ Top Ten ของโลก
- มีอัตราการขยายตัวของ Discount Stores ที่สูงที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับรายได้ประชากร
- มีการแข่งขันของพวก Fast Food Chain มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
- มี Department Stores ที่มีคุณภาพต่อขนาดจำนวนประชากรมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
- มีความสนใจในการร้องคาราโอเกะมากติดอันดับโลก
- มีการใช้โทรศัพท์มือถือเทียบกับจำนวนประชากรมากติดอันดับโลก
มีสินค้าหรือบริการอีกหลายๆอย่างที่บริษัทต่างชาติประสบความสำเร็จในต่างประเทศมาก แต่มาเมืองไทยแล้วเจ๊งก็มีมาก ซึ่งผมจะไม่กล่าวในที่นี้ แต่ผมอยากจะสรุปจากความคิดของผมเองว่า ทำไมบางสินค้าสำเร็จ บางสินค้าล้มเหลว เพราะอะไร??
ทุกข้อที่กล่าวมาผมมีข้อสรุปทั้งหมด
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ – บทความการตลาด
วันที่เขียน 02/02/2005 วันที่ตีพิมพ์ 02/02/2005
บันทึกบทความเมื่อ 01/02/2007 18:38:03 โดย Narin
ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อ 01/02/2007 18:38:03 โดย Narin