ทำการตลาดต้องคิดถึงชัยชนะ
การทำการตลาดมีความละม้ายคล้ายคลึงกับการเล่นกีฬาหรือการสงคราม คือต้องมีความมุ่งมั่นที่จะมีชัยชนะ นักการตลาดที่ทำงานตามหน้าที่ให้เสร็จโดยไม่มีความหวังที่จะมีชัยชนะหรือหวังที่จะเป็นที่หนึ่ง มักจะไม่สามารถทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ตนดูแลประสบความสำเร็จได้มากเท่าที่ควร
จะเป็นนักการตลาดที่ดีต้องเป็นคนช่างฝัน และเป็นผู้ที่ชอบทำความฝันให้เป็นจริงเพราะการตลาดเป็นการทำงานเพื่ออนาคตของผลิตภัณฑ์ คนที่ไม่ใช่คนช่างฝัน มักทำการตลาดไม่ได้ดี เพราะมักจะขาดความคิดสร้างสรรค์ ไม่กล้าคิดอะไรนอกกรอบ คอยแต่จะหาข้อมูล มาสนับสนุนความคิดของตนเอง ถึงแม้จะเป็นคนที่เรียนจบการตลาดมาก็ตาม เพราะทางสถาบันส่วนใหญ่จะสอน ให้รู้จักหาข้อมูลการตลาด โครงสร้างการตลาด การโฆษณา สื่อต่างๆ การวิจัยตลาด กรณีศึกษาทางการตลาด ซึ่งส่วนมากเป็นข้อมูลในอดีตเสียส่วนใหญ่ การสร้างให้นักศึกษาเป็นคนช่างฝัน ซึ่งเป็นเรื่องอนาคตและเป็นเรื่องที่ยัง ไม่แน่นอนทางอาจารย์ก็อาจจะไม่ค่อยได้สอนหรือถ้าสอนก็คงสอนไม่มาก โดยเฉพาะเรื่องความคิดสร้างสรรค์
ผมได้พบกับนักศึกษาที่จบมาทางด้านการตลาดหลายๆคน ส่วนมากจะไม่ค่อยมีความคิดสร้างสรรค์ หรือถ้าสร้างสรรค์ก็จะอยู่ในกรอบเล็กๆ ถามว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีความคิดสร้างสรรค์ ตอบได้ว่าเพราะอาจารย์ส่วนใหญ่จะสอนลูกศิษย์ให้รู้จักหาข้อมูล และย้ำว่าการมีข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญ แต่เรื่องความคิดสร้างสรรค์ดีๆมักไม่ได้เกิดจากข้อมูลในอดีต แต่เป็นเรื่องใหม่ที่อาจจะยังไม่เคยเกิดขึ้น จึงทำให้นักศึกษาที่เรียนจบมาจะไม่กล้าคิด ไม่มั่นใจที่จะคิด
แขนงวิชาบางวิชาที่สอน เช่น นิเทศศาสตร์ นักศึกษาที่จบมามักจะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า เพราะนิเทศศาสตร์เป็นวิชาที่ส่วนใหญ่ไม่เน้นข้อมูล หรือเหตุผลมากนัก แต่จะเน้นไปทางศิลปะมากกว่า เช่น ถ่ายรูป การแสดง การจัดรายการวิทยุ โทรทัศน์ ซึ่งทำให้นักศึกษานิเทศศาสตร์ส่วนมากจะมีความคิด สร้างสรรค์มากกว่า
นักศึกษาการตลาดถ้าจะให้ดีต้องจัดให้มี Major นิเทศการตลาด หรือจัดให้มี Course จิตวิทยานิเทศการตลาดขึ้น
ผมได้มีโอกาสและสัมผัสกับคนที่เรียนมาในสาขาวิชาต่างๆมาหลายแขนงวิชา พบว่าคนที่เรียนมาวิชาใดก็จะติดในกรอบของวิชาที่ตนเรียนมาไม่มากก็น้อย และก็พยายามจะ Apply วิชาที่ตนเรียนให้เข้ากับงานให้ได้ ทั้งๆที่บางทีมันเข้ากันไม่ได้ โดยไม่ได้คิดจากสภาพความเป็นจริงหรือสถานภาพของสิ่งที่ต้องจัดการ ทำให้การทำงานเกิดความเบี่ยงเบนจากความถูกต้อง หลงทางได้บ่อยๆ เพราะวิชาความรู้และการทำงานจริงๆนั้นห่างกันพอสมควร มีงานไม่กี่อย่างที่ที่เรียนมากับการทำงานจริงจะคล้ายกัน อาทิเช่น วิชาวิศวกรรมศาสตร์, Computer หรือ Finance ฯลฯ ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับระบบที่ไม่ต้องอาศัยคนมาก หรือเกี่ยวข้องกับตัวเลข แต่ถ้าทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับคนมากๆ วิชาที่เรียนมามักใช้ได้ไม่มากนักเพราะในสถาบันมักสอนบางกรณีที่เกี่ยวกับคนเท่านั้น แต่ในชีวิตการทำงานจริง จะพบว่าคนเป็นปัจจัยสำคัญในทุกเรื่อง แต่หลายความคิดซึ่งทำให้วิชาต่างๆ ที่เรียนมามักใช้ไม่ค่อยได้ ฉะนั้นอยากจะฝากคน ที่กำลังเรียน หรือเรียนจบแล้วว่า กรุณาสนใจกับพฤติกรรมคนไว้ให้มากๆ พราะจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เรา ไปสู่ความสำเร็จได้ถ้าเราเข้าใจ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ – บทความการตลาด
วันที่เขียน 02/02/2005 วันที่ตีพิมพ์ 02/02/2005
บันทึกบทความเมื่อ 01/02/2007 18:19:39 โดย Narin
ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อ 01/02/2007 18:28:41 โดย Narin