การพัฒนาการตลาดในยุค IT
ตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนการค้าขาย (Trading) จะอยู่ในพจนานุกรม ซึ่งหลังจากนั้นก็มีคำว่า ธุรกิจ (Business) เข้ามาอยู่ในพจนานุกรม และคำว่า Marketing ก็น่าจะอยู่ในพจนานุกรมอังกฤษไม่กี่สิบปีนี้เอง Marketing หรือการตลาด จึงน่าจะเป็นวิธีคิด วิธีทำใหม่ๆ ในการค้าขายหรือการทำธุรกิจที่มีศักยภาพที่ดียิ่งขึ้นความสนใจในผู้บริโภค โดยการทำการวิจัยเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคก็มีหลายๆ วิธี เช่น Mass Behavior, Life Style, Focus Group, Panel of Discussion, and Product Blind Testing เป็นต้น การวิจัยต่างๆ เหล่านี้ทำให้นักการตลาดสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจผู้บริโภคได้มากขึ้น เพราะผู้บริโภคมีความหลากหลายในเชิงพฤติกรรมสูงมากซึ่งเกิดจากความแตกต่างทางด้านการครองชีพ อาชีพ พื้นฐานทางครอบครัว สิ่งแวดล้อมต่างๆ และเนื่องจากในปัจจุบันมีผู้ประกอบการนำเสนอสินค้าใหม่ให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสเลือกอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ความสนใจในตัวผู้บริโภคมีมากขึ้นเหมือนเงาตามตัว ความสนใจผู้บริโภคนั้นไม่ใช่ว่าคิดจะสนใจก็สนใจได้ทันที ต้องมีความสนใจติดตามอยู่นานพอควรประกอบกับการทำวิจัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเกิดทักษะทางด้านผู้บริโภคได้ดีมากขึ้น ช่องโหว่ทางด้านการตลาดที่จะทำให้นักการตลาดสามารถหาผลิตภัณฑ์ หรือบริการนั้นมีน้อยลงทุกวัน แต่ยังมีอยู่ถ้ามองหาดีๆ ผลิตภัณฑ์ไม่จำเป็นต้องแตกต่างกับผลิตภัณฑ์อื่นโดยสิ้นเชิงหรือดีกว่าคู่แข่งแบบขาดลอย เพียงขอให้สามารถสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ยังไม่มีใครเสนอให้ (Unmet Needs) ความต้องการนี้บางครั้งผู้บริโภคก็อาจจะตอบไม่ได้ว่า Unmet Needs นั้นคืออะไรเสียด้วยซ้ำ ผลิตภัณฑ์ที่สามารถสนอง Unmet Needs นี้ได้ก็จะมีอัตราการเจริญสูง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นมีคุณภาพ การจัดจำหน่าย การประชาสัมพันธ์ และการจัดการที่มีประสิทธิภาพด้วย
ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ที่สำเร็จเพราะสนอง Unmet Needs ได้ก็คือ
- เบียร์ที่มีราคาถูกกว่า…. ครึ่งต่อครึ่ง
- อาหารญี่ปุ่นที่รับประทานได้ไม่อั้น
- ชาเขียวกลิ่นหอมหวาน
- ร้านอาหารไทยที่ทานได้ง่ายๆ มีขายในศูนย์การค้าในบรรยากาศที่ทันสมัย
- เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็นนักสู้
สิ่งสำคัญในยุค IT ที่เกี่ยวเนื่องกับการตลาดก็คือ ความรวดเร็ว เร็วตั้งแต่การหาข้อมูล เร็วในการวิเคราะห์ และเร็วในการที่จะสรุปผล และกำหนดวิธีการที่จะต้องดำเนินการต่อไปเพื่อให้งานสำเร็จตามวัตถุประสงค์ และบางครั้งต้องเร็วแม้แต่การเปลี่ยนวัตถุประสงค์ ถ้าเชื่อว่าวัตถุประสงค์ที่ตั้งนั้นไม่ถูกต้อง โดยไม่ดันทุรังทำต่อไปวัตถุประสงค์นี้ยังสามารถแยกออกมาได้อีกเป็นข้อย่อยซึ่งควรมีการติดตามอย่างต่อเนื่องและตั้งเป็น KPI ให้เป็นตัวที่จะใช้ในติดตามและชี้วัด และประเมินอยู่เสมอว่าจะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการทำงานอย่างไรถึงจะมีโอกาสถึงเป้าหมาย หรือบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ – บทความการตลาด
วันที่เขียน 02/02/2005 วันที่ตีพิมพ์ 02/02/2005
บันทึกบทความเมื่อ 14/07/2006 โดย webmaster
ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อ 14/07/2006 โดย webmaster