ประสบการณ์ประวัติศาสตร์
ประสบการณ์ประวัติศาสตร์
(Personal historic Moments in life)
ตั้งแต่ปี 2540 ผมได้มีโอกาสทำสิ่งต่างๆ หรือได้ประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่เคยประสบมาก่อน ซึ่งผมเรียกว่าเป็นประวัติศาสตร์ของตนเอง ผมไม่เคยบันทึกการกระทำหรือเหตุการณ์เหล่านี้อย่างเป็นกิจลักษณะ จนถึงวันนี้มีประสบการณ์ที่บันดาลใจให้ผมต้องเริ่มบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของตัวเองเรื่องนี้ เพราะประสบการณ์นี้ผมคิดว่าเป็นประสบการณ์ที่สำคัญและเป็นข้อคิดและแนวทางแก่ชีวิตของคนอีกเป็นจำนวนมากได้
เริ่มจากการที่ผมและภรรยาได้รับเชิญจากคุณดวงพร สุจริตานุวัต กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ของไทยธนาคารให้ไปทัศนาจรในโครงการภูมิใจไทย ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 16 ธันวาคม 2550 ผมได้รับเชิญเมื่อปีที่แล้วครั้งหนึ่งในโครงการนี้โดยไปที่จังหวัดสุโขทัย คราวนี้ไปที่จังหวัดน่าน Concept ของการทัศนาจรก็คือ การไปเยี่ยมชมโบราณสถานต่างๆ รวมทั้งวัดวาอาราม ซึ่งผมก็ไม่เคยคิดสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากเช่นนี้มาก่อน แต่เนื่องจากคุณดวงพรเคยชวนให้ไปชมพระราชวังต่างๆ ในกรุงเทพฯ ซึ่งผมไปไม่ได้เลยส่งภรรยา คุณทิพาภรณ์ ซึ่งมีความสนใจในพระราชวังต่างๆ อย่างมากให้ไปแทน ภรรยาผมกลับมาด้วยความประทับใจอย่างยิ่ง และประจวบกับคุณ ดวงพรได้เชิญผมและภรรยาไปอีกด้วยความรู้สึกที่ตั้งใจและจริงใจ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมตอบรับการเชิญและก็เกิดความประทับใจตั้งแต่ครั้งที่ไปจังหวัดสุโขทัย และต่อมาจนถึงครั้งนี้ที่จังหวัดน่าน
รายละเอียดของการทัศนาจรภูมิใจไทยผมจะไม่กล่าวในที่นี้แต่ผมจะขอเล่าถึงความประทับใจอื่นๆ นอกเหนือจากการทัศนาจรก็คือการต้อนรับ การดูแล ซึ่งไม่ได้หมายความว่าได้รับของที่ดีๆ จากทางผู้จัด หรือได้รับประทานอาหารดีๆ อร่อยๆ หรืออยู่โรงแรมที่ดีๆ แต่เป็นความละเอียดอ่อนของการต้อนรับ การดูแล ความพิถีพิถัน ความตั้งใจที่จะดูแลให้แขกของไทยธนาคารได้รับความสะดวกสบาย ความสุขและความประทับใจ ซึ่งปกติผมเป็นคนที่สนใจในเรื่องการบริการและสังเกตพฤติกรรมของนักบริการทั้งหลายมาหลายสิบปีอย่างไม่ได้เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ที่กล่าวว่าไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งเพราะผมเป็นคนที่ไปไหนชอบง่ายๆ ไม่ต้องมีใครมาบริการก็ได้ และไม่ถือสาด้วยถ้าใครมาบริการผมไม่ดี แต่ผมหมายความว่า ผมมีความสังเกตอย่างละเอียดในวิธีบริการของแต่ละธุรกิจว่าใครทำอย่างไร ใครทำได้ดี และใครทำไม่ได้ดี
สิ่งที่สรุปได้อย่างไม่เสียเวลามากเลยก็คือว่า คณะผู้จัดการทัศนาจรภูมิใจนี้ทำงานด้วยใจ (คุณทับทิม สิงหเสนี ผู้อำนวยการอาวุโส ใช้คำว่า “ทำแบบถวายหัว” ซึ่งค่อนข้างเป็นศัพท์โบราณ) มุ่งมั่นที่จะทำให้แขกของไทยธนาคารได้รับความประทับใจไม่รู้ลืม และต้องมีความคิดบวกต่อแขกอย่างมาก ผมได้รู้สึกถึงพลังที่ทุ่มเทออกมาจากทีมงานต้อนรับ ความยิ้มแย้ม ความเอาใจใส่ในทุกขั้นตอน ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากคำสั่งหรือความกลัว แต่เป็นการทำงานด้วยความสนุกสนานและตั้งอกตั้งใจ และมีการวางขั้นตอนอย่างละเอียดอ่อนโดยการนำทีมของคุณทับทิม และคุณทับทิมก็ต้องเป็นคนที่ให้ความเป็นกันเองกับลูกน้องมาก จึงมีสิ่งดีอย่างนี้เกิดขึ้นได้ สรุปได้เลยว่าคุณทับทิมเป็นคนคิดบวกกับตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสถานการณ์ และยังเป็นคนที่มุ่งมั่นที่จะทำในสิ่งที่ตนเชื่อว่าถูกต้องและจำเป็นที่จะทำให้ประสบความสำเร็จตามเป้าประสงค์
ความพิถีพิถันและความละเอียดอ่อนต่อแขกของธนาคารพอจะแจกแจงเป็นหัวข้อดังนี้
- การต้อนรับตั้งแต่ที่สนามบินและติดป้ายห้องที่โรงแรมปลายทางที่สนามบินกรุงเทพฯ
- การต้อนรับใน VIP Lounge โดยทีมงานธนาคารที่ไม่ได้ไปในการเดินทางนี้
- มีทีมต้อนรับที่ไปรออยู่แล้วที่ปลายทางขึ้นรถบัสที่จัดเตรียมไว้ และทีมต้อนรับแต่งตัวแบบไทย
- ที่เป็นไฮไลท์ที่โดดเด่นมากก็คือ การมีรถสุขาที่สั่งตรงจากกรุงเทพฯ และติดตามไปทุกที่ที่เราไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ
- มีกระดาษเย็นทิชชูที่พนักงานของธนาคารใส่ถาดไว้ให้เช็ดมือหลังจากไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ
- ในสถานที่ที่มีขั้นหรือธรณีประตูสูงหรือทางเดินไม่เรียบ ก็จะมีพนักงานคอยเตือน คอยจูงสำหรับผู้สูงอายุ
- มีพยาบาลติดตามตลอดการทัศนาจร
- มีการถ่ายรูปหมู่เกือบทุกจุดที่ไป
- เตรียมอาสนะจากกรุงเทพฯ เวลาเข้าไปในโบสถ์จะได้นั่งสบายขึ้น
- มีการจัดการแสดงพิเศษของจังหวัดในงานเลี้ยงตอนกลางคืน
- มีการเตรียมอาหารเช้าทั้งแบบตะวันตกและตะวันออกเสริมไปจากกรุงเทพฯ นอกเหนือจากของโรงแรม
- มีใบตองกรวยครอบแก้วในคืนวันที่ 15 ธันวาคม เพื่อให้ได้บรรยากาศไทยๆ โดยไม้กลัดใบตองเตรียมมาจากกรุงเทพฯ เพื่อไม่ให้แมลงตกลงไปในแก้วที่ใส่น้ำแข็งไว้แล้วและอยู่กลางแจ้ง
- มีการส่งทีมสำรวจพื้นที่โดยการนำของคุณทับทิมในด้านที่พักในโรงแรม แอร์ในห้องต้องล้างใหม่หมด และของใช้ในห้องน้ำก็เตรียมมาเป็นพิเศษโดยไทยธนาคาร
ยังมีรายละเอียดอีกมากที่ทีมงานจัดเตรียมซึ่งไม่สามารถกล่าวได้หมด เนื่องจากผมได้ทำงานเพื่อส่วนรวมมามากจึงเข้าใจถึงความทุ่มเทที่ทีมของไทยธนาคารได้ให้กับการทัศนาจรภูมิใจในครั้งนี้
อีกท่านหนึ่งที่จะลืมกล่าวไม่ได้เลยคือ อาจารย์ เผ่าทอง ทองเจือ ซึ่งถ้าไม่มีอาจารย์เผ่าทองมาเล่าแนะนำให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์ในยุคต่างๆ ความน่าสนใจของสถานที่ต่างๆ ที่เราได้ไปชมกันคงหายไปเกินครึ่ง และเป็นประวัติศาสตร์ของตัวเองด้วยที่ได้พบกับบุคคลที่มีความสามารถในการบรรยายเรื่องพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์ได้ละเอียดและน่าสนใจเท่ากับ อ.เผ่าทอง ทองเจือ
สรุปได้ว่าความประทับใจที่เกิดขึ้นในลูกทัวร์ของไทยธนาคารจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าขาดคุณดวงพร คุณทับทิมและทีมงาน และ อ.เผ่าทองซึ่งพาเราไปทัศนาจรด้วยใจที่คิดบวกกับไทยธนาคาร คิดบวกกับลูกทัวร์ และคิดบวกกับประเทศไทย และขอชื่นชมกับไทยธนาคารที่มีผู้บริหารดีๆ ที่มีความมุ่งมั่นประสงค์ดีต่อไทยธนาคารและต่อประเทศชาติ และเป็นตัวอย่างของการทำ Customer Relationship Management (CRM) และยังผนวกกับการทำ Corporate Social Responsibility (CSR) เข้าไปด้วย เพราะทำให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นแทนที่จะไปท่องเที่ยวต่างประเทศและยังสอดคล้องกับ Positioning ของ “ไทยธนาคาร” ด้วย
ที่มา นสพ. กรุงเทพธุรกิจ : คอลัมน์ 20 CEOs 20 IDEAs
วันที่เขียน 01/02/2008 วันที่ตีพิมพ์ 15/10/2008
บันทึกบทความเมื่อ 15/10/2008 09:20:12 โดย Narin
ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อ 15/10/2008 09:20:12 โดย Narin