ความมุ่งมั่นอย่างไม่มีเงื่อนไขในการทำงาน
คนทั่วไปเวลาทำงานมักจะทำงานตามหน้าที่ถ้าทำงานในองค์กร และถ้าหัวหน้าในองค์กรไม่ได้ตั้งเป้าหมายการทำงานให้ก็มักจะทำไปเรื่อยๆ บางทีหัวหน้าตั้งเป้าหมายให้ก็ รู้สึกว่าเป้าหมายสูงเกินไป ไม่น่าจะทำถึง หรือมีความกลัวว่าจะทำไม่ถึง และมักอยากจะให้หัวหน้าลดเป้าหมายเพื่อตนเองจะมั่นใจว่าทำถึงเป้าถ้าเป็นเจ้าของกิจการ แต่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นใจในความสามารถว่าตนเองจะทำสำเร็จหรือไม่ หรือตัดสินใจลงทุนผิดหรือไม่ หรือกลัวว่าทำไปแล้วถ้าผิดไปจะไม่มีใครช่วย ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น บ่งบอกถึงความไม่มั่นใจ ความคิดที่เป็นลบต่อตัวเอง และความเป็นคนขี้กลัว ซึ่งถ้ามีลักษณะเช่นนี้ ความมุ่งมั่นจะเกิดขึ้นไม่ได้
ฉะนั้นถ้าจะมีความมุ่งมั่น อันดับแรกต้องมีความมั่นใจในตนเอง มั่นใจในสิ่งที่ตนเองจะทำหรือกำลังทำ มีความคิดที่เป็นบวกกับตนเองว่า ตนเองเป็นคนที่มีความสามารถ ทำอะไรก็สำเร็จ ( ถึงแม้จะมีประสบการณ์ที่ไม่สำเร็จมาก่อนก็ต้องเชื่อว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ต่อไปจะดีขึ้นหรือสำเร็จเป็นแน่ ) และต้องไม่เป็นคนขี้กลัว เช่นกลัวเสียชื่อ กลัวถูกเยาะเย้ย กลัวถูกหาว่าโง่ กลัวเสียเงิน ( ไม่กล้าได้ กล้าเสีย ) กลัวเหนื่อยแล้วไม่คุ้มค่า ฯลฯ ผมจึงสรุปได้ว่า คนที่ประสบความสำเร็จในยุคหลังวิกฤติการณ์ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างไม่ง่ายเหมือนตอนก่อนวิกฤติการณ์ ต้องมีความมุ่งมั่นและต้องเป็นความมุ่งมั่นที่ไม่มี เงื่อนไข และถ้าจะมุ่งมั่นอย่างไม่มีเงื่อนไขได้นั้นก็ต้องมั่นใจ คิดบวก และไม่กลัว จึงได้ตั้งสโลแกนไว้ว่า
มุ่งมั่น มั่นใจ คิดบวก ไม่กลัว
และถ้าคิดหรือพูดกับตนเองบ่อยๆ ก็จะทำให้ความสำเร็จเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น การพูดกับตนเองบ่อยๆ ก็จะทำให้ความสำเร็จเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น การพูดกับตนเองบ่อยๆ ถึงประมาณ 20 ครั้งต่อวันจะช่วยทำให้จิตใต้สำนึกซึมซับความมุ่งมั่น และจิตใต้สำนึกก็จะเป็นพลังขับเคลื่อนให้ความมุ่งมั่นนั้นสำเร็จได้ จากที่ผมได้เรียนจาก อ.อมรา มานั้น จิตใต้สำนึกเชื่อฟังจิตสำนึก ก็คือความคิดของเรานั่นเอง จิตใต้สำนึกไม่รู้ผิดรู้ถูก ถ้าจิตสำนึกไม่มั่นใจ จิตใต้สำนึกก็ไม่มั่นใจไปด้วย จิตสำนึกคิดลบกับตนเอง จิตใต้สำนึกก็คิดลบกับตนเองด้วย จิตสำนึกกลัว จิตใต้สำนึกก็กลัวด้วย แต่จิตใต้สำนึกมีพลังมากกว่าจิตสำนึกกว่าสิบเท่าจะยิ่งทำให้ความไม่มั่นใจความคิดลบ ความกลัว มากเป็นเท่าทวีคูณ แต่ถ้าเรามั่นใจ คิดบวก ไม่กลัว จิตใต้สำนึกก็จะเสริมให้เราประสบความสำเร็จได้เป็นเท่าทวีคูณเช่นกัน
ในการทำงานจริงๆ อุปสรรคต่างๆ มีตลอดเวลาไม่มากก็น้อย ฉะนั้นเมื่อไรที่เรานำเอาอุปสรรคมาเป็นเงื่อนไขในการทำงาน ความมุ่งมั่นที่เราตั้งไว้ก็จะเริ่มมีเงื่อนไข ฉะนั้นในการทำให้ความมุ่งมั่นไม่จางไป ก็ต้องคิดว่าไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไร เราก็จะต้องสำเร็จตามความมุ่งมั่นของเราอย่างแน่นอน นี่เป็นวิธีที่จะทำให้ความมุ่งมั่นไม่จางหายและจิตใต้สำนึกก็จะช่วยผลักดันให้ฟันฝ่าอุปสรรค หรือสลายอุปสรรคต่างๆ ( บางทีอย่างเหลือเชื่อ ) ให้เราได้ตลอด หรือบางทีพลิกอุปสรรคให้เราเห็นโอกาสได้ด้วย
ผมเปรียบความมุ่งมั่นเป็นหนังสติ๊กที่ดึงไว้ตึง ตึงมากตึงน้อยแล้วแต่ความมุ่งมั่นว่าสูงมากหรือน้อย เมื่อไรที่เราคิดว่า ไม่มั่นใจ คิดลบ หรือกลัว หรือเห็นแต่อุปสรรค ก็เท่ากับเราปล่อยนิ้วจากหนังสติ๊กเส้นนั้น แต่ก็ยังเริ่มดึงขึ้นมาใหม่ได้ แต่งานของผมบางอย่างมีเวลาน้อยเกินไปที่จะปล่อยให้หนังสติ๊กหลุดจากนิ้ว จึงจำเป็นต้องมีกุศโลบายในการคิดที่ดีที่ทำให้เราไม่เสียความมุ่งมั่นเลย ซึ่งทำได้ไม่ยากเลย ผมจึงชอบท่องชอบคิดดังนี้
ไม่กลัว ไม่เหนื่อย ไม่ท้อ ไม่มีปัญหา ไม่ยาก ไม่เครียด
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ – ยกเครื่องความคิด
วันที่เขียน 02/02/2005 วันที่ตีพิมพ์ 02/02/2005
บันทึกบทความเมื่อ 13/07/2007 20:20:12 โดย Narin
ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อ 13/07/2007 20:20:12 โดย Narin