ผมเป็นคนที่ชอบสังเกตพฤติกรรมของคนที่ผมได้พบเจอ แล้วเอามาพิจารณา และสรุปให้กับตัวเองว่า คนคนนั้นเป็นคนอย่างไร โดยที่ไม่ต้องมีข้อมูลที่เป็นรูปธรรม เพราะอากัปกิริยา รวมทั้งคำพูดก็เป็นข้อมูลในการพิจารณาได้แล้ว
แต่คนจำนวนมากพอขาดข้อมูลที่เป็นรูปธรรมก็ไม่ยอมสรุป เพราะขาดความมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองสรุปนั้นจะเป็นจริง จนกลายเป็นคนที่สังเกตคนไม่เป็นในที่สุด ต้องรอจนกว่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนว่าคนคนนั้นเป็นคนอย่างไรถึงกล้าสรุป
การสังเกตคนมีวิธีง่าย ๆ แต่ต้องเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราพบจากการสังเกตนั้นไม่ไปทำร้ายเขา แต่เป็นการทำให้เรารู้ว่า เราจะวางตัวกับเขาอย่างไรที่จะไม่ทำให้พฤติกรรมของเขาส่งผลกับเราในแง่ลบ
คนมีพฤติกรรมทางจิต หรือจะเรียกว่า “จริต” ก็น่าจะได้ อาทิเช่น
1. มีวิตกจริต มีความกังวลหรือกลัวในสิ่งที่อาจจะเกิดกับตัวเองหรือคนที่ตัวเองรักจนเกินไป
2. มีโมหะจริต คนที่ชอบอะไรก็ชอบอย่างอย่างไม่ลืมหูลืมตา หรือทำอะไร กินอะไรก็จะทำจะกินซ้ำ ๆ โดยไม่พิจารณาความเหมาะสมหรือถูกต้อง
3. โลภะจริต คนที่เห็นอะไรที่ชอบก็อยากได้ และบางครั้งก็จะต้องเอามาให้ได้ จนขาดความเหมาะสมหรือขาดคุณธรรม
4. ศรัทธาจริต เลื่อมใสอะไรง่าย ๆ โดยไม่ได้พิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่
5. โทสะจริต คนที่เมื่อมีใครมาทำอะไรไม่ถูกใจก็จะเกิดอารมณ์ลบขึ้นมาทันที และต้องใช้เวลามาก ๆ ในการสงบสติอารมณ์ หรือมีความเครียดง่าย หรือเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น
6. พุทธจริต คนที่ใช้ความคิด พิจารณาในสิ่งที่ประสบ แล้วสรุปในทางที่ดีที่เป็นบวก ซึ่งรวมกันเรียกว่าการใช้ปัญญา
7. ราคะจริต คนที่สนใจในเรื่องที่เป็นโลกียะสูงมากกว่าปกติ เช่น เรื่องความสวยความงาม เรื่องเซ็กซ์ ความฟุ้งเฟ้อ เป็นต้น
ยังมีคนที่อยู่ในจริตเหล่านี้ ซึ่งผมอยากจะชี้ให้เห็นคือ คนที่เห็นแก่ตัว คนขี้เหนียว คนที่ชอบได้แต่ไม่ชอบให้ คนที่จิตเป็นกุศล คนที่จิตไม่เป็นกุศล คนที่มองโลกในแง่ดี คนที่มองโลกในแง่ร้าย คนขี้กลัว คนขี้ขลาด คนที่มีเมตตาจิตสูง คนที่ไม่ค่อยมีจิตเมตตา คนที่ทำอะไรให้ใครแล้วไม่หวังสิ่งตอบแทน คนที่ทำอะไรให้ใครแล้วหวังสิ่งตอบแทน
เราจะเห็นพฤติกรรมทางจิตของคนเหล่านี้ได้ในโอกาส หรือเวลา หรือในเหตุการณ์ที่ต่างกัน อย่างเช่น
1. คนเห็นแก่ตัว และคนที่เอาแต่ได้ ก็มักจะหยิบฉวยของส่วนรวมมาเป็นของตน โดยไม่คิดถึงส่วนรวม หรือเวลาต้องทำอะไรเพื่อส่วนรวมมักจะทำแบบขอไปที หรือไม่ตั้งใจ หรือพยายามหลีกเลี่ยงที่จะทำ
2. คนขี้เหนียว ก็มักจะเป็นคนที่ไม่ชอบให้ ไม่ชอบทำบุญ และชอบมีเหตุผลที่จะไม่ช่วยคนอื่น ถ้าจะช่วยก็ช่วยเพื่อเป็นภาพลักษณ์ทางสังคม เวลาต้องจ่ายเงินที่ต้องแชร์กัน ก็มักจะจ่ายช้าหรือต้องทวงมากกว่าคนอื่น
3. คนที่จิตเป็นกุศล มักจะเป็นคนที่พร้อมจะช่วยผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน สำหรับคนที่จิตไม่เป็นกุศล ถ้าจะช่วยก็จะช่วยเท่าที่จำเป็น และอาจจะเลือกช่วยในเรื่องที่ตนจะได้ผลตอบแทน บางครั้งก็จะมีสารพัดเหตุผลที่จะไม่ช่วย
4. คนที่มองโลกในแง่ดี หรือคนคิดบวก หรือถูกเรียกว่าคนที่เห็นโลกสวย คนเหล่าก็จะคิดดีคิดบวกกับตัวเอง กับผู้อื่น คิดดีได้แม้แต่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี แล้วเชื่อว่าทุกอย่างสามารถปรับปรุงแก้ไขพัฒนาให้ดีขึ้นได้ ส่วนคนที่มองโลกในแง่ร้ายก็มักมองแทบทุกอย่างไม่ดีไปหมด คนพวกนี้สังเกตได้ง่ายจากคำพูดซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแง่ลบ มักจะมีคำว่าปัญหาในคำพูดบ่อย แต่ไม่มีวิธีแก้ มีแต่บ่นโน่นบ่นนี่
5. คนขี้กลัว ขี้ขลาด ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีวิตกจริต และเป็นคนคิดลบ คนเหล่านี้มักจะมีคำว่ากลัว ห่วง เสียดาย ปัญหา ออกมาในคำพูดเยอะ คนเหล่านี้จะเป็นคนที่คิดช้าทำช้า ขาดความมั่นใจในตัวเอง และมักจะประสบความสำเร็จน้อยกว่าคนที่ไม่มีอาการขี้กลัว ขี้ขลาด และคนเหล่านี้มักไม่กล้าทำเรื่องใหญ่ ๆ แล้วยังมักเป็นคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย สุขภาพไม่แข็งแรงด้วย เพราะสุขภาพที่ดีส่วนหนึ่งมาจากการคิดบวก
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า คนนิสัยอย่างไรก็มักจะมาอยู่ร่วมกับคนที่นิสัยเหมือนกัน
ฉะนั้นจะสังเกตนิสัยคนคนหนึ่งด้วยการสังเกตนิสัยเพื่อนอีกคนหนึ่งที่สนิทกับเขาได้ แต่ต้องสังเกตในหลายมิติ ถ้าสังเกตจุดเดียวหรือจุดเล็กเกินไป ก็อาจจะพบว่าเขาทั้งสองไม่เหมือนกันก็เป็นได้
ผมชอบพูดกับตัวเองว่า คนดีก็ดูดคนดี คนไม่ดีก็ดูดคนไม่ดี
ผมสังเกตว่าคนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยทบทวนตนเองว่าทำอะไรดีทำอะไรไม่ดีในแต่ละวัน หรือบางคนก็ชอบเข้าข้างตัวเองว่าทุกสิ่งที่ตัวเองทำเป็นเรื่องดีทั้งหมด จึงขอให้ทุกคนหมั่นทบทวนตัวเองอย่างไม่เข้าข้างตัวเองว่า เราทำตัวอะไรที่ดีบ้างอะไรที่ไม่ดีบ้าง แล้วพิจารณาที่จะลดละเลิกในนิสัยที่ไม่ดี
นิสัยที่ดีและไม่ดีในตัวเราไม่ใช่เกิดขึ้นมาในชาตินี้เท่านั้น แต่เป็นเหตุที่เราสร้างให้เกิดขึ้นมาในอดีตชาติ แล้วยกยอดต่อมา ถ้าไม่สำนึกไม่แก้ไขในเรื่องไม่ดีในชาตินี้ เรื่องไม่ดีก็จะยกยอดต่อไปในชาติหน้า ถ้าเราเติมวิบากกรรมต่าง ๆ เพิ่มไปอีก ตัวผู้ที่สร้างวิบากกรรมเองก็ต้องรับผลกรรมในชาติต่อ ๆ ไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่ไม่ดีแม้แต่เล็กน้อย ก็ควรจะพิจารณาสำนึกแก้ไข เรื่องร้าย ๆ ในตัวเราจะได้ไม่ต้องยกยอดข้ามภพข้ามชาติต่อไป ส่วนนิสัยดี ๆ ซึ่งเราก็มีกันทุกคน ก็พัฒนาให้ดีขึ้น ๆ ต่อไป