ผมสังเกตว่า คนที่จะตายในโรงพยาบาลก็มักจะพบว่าติดเชื้อในกระแสโลหิต หรืออยู่ดี ๆ คนที่สุขภาพแข็งแรงก็เป็นมะเร็ง หรือคนที่กินเจมาตลอดก็มาเป็นมะเร็งแล้วก็ตาย หรือบางคนเล่นกีฬาอยู่ดี ๆ ก็หัวใจวายตาย หรือบางคนรักษาสุขภาพอย่างดี ก็มาตายด้วยโรคแปลก ๆ ที่คาดไม่ถึง แต่ในขณะที่คนไม่รักษาสุขภาพเลยก็ไม่ตายซะที
ผมพิจารณาเรื่องเหล่านี้มานานแล้ว พอสรุปกับตัวเองและขอแชร์ข้อสรุปนี้กับผู้อ่านดังนี้
ผมเชื่อในกฎแห่งกรรมอย่างมาก และยังเชื่อว่ากฎแห่งกรรมส่งผลไม่พร้อมกัน และยังมีอานุภาพมากน้อยต่างกันด้วย ฉะนั้น แม้แต่คนที่ทำความดีหรือรักษาสุขภาพดีมาโดยตลอด ก็ไม่ได้รับรองว่ากรรมที่กระทำมาในอดีตจะไม่ส่งผลหรือส่งผลอย่างไร
ถ้าใครที่กรรมตามมาทันแล้ว ก็ขอให้สำนึกว่าเรากำลังชดใช้กรรม อย่าได้สงสัยหรือโวยวายว่าทำไมต้องมาเกิดกับเราด้วย ขอให้เร่งกระทำความดี ทำบุญทำกุศลมากขึ้น คนในครอบครัวก็ช่วยทำบุญทำกุศลและอธิษฐานจิตแผ่ส่วนกุศลให้กับคนที่กำลังใช้กรรม ถ้าการทำกุศลของเราถูกทิศถูกทาง ผู้ป่วยก็อาจหายหรือบรรเทาได้ ขึ้นอยู่กับแรงกรรมที่เขากำลังรับอยู่และแรงบุญที่เรากำลังส่งไปให้เขา
บางครั้งการทำบุญของครอบครัวอาจจะไม่เพียงพอที่จะยื้อชีวิตของผู้ป่วยเอาไว้ได้ แต่การทำบุญทำกุศลอย่างถูกวิธี และแผ่ส่วนกุศลให้กับผู้วายชนม์ ก็มีผลต่อจิตวิญญาณในปรภพของเขาได้ด้วย การที่พยายามยื้อชีวิตผู้ป่วยไว้ให้ได้นานขึ้นนั้นบางทีก็เป็นการให้เขาได้ชดใช้กรรม พอกรรมเขาหมดเขาก็จากไป คนที่ชดใช้กรรมต่อไปคือครอบครัว เพราะค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลที่มาเก็บ ฉะนั้นการรักษาผู้ป่วยแบบธรรมชาติที่สุด และให้เขาจากไปแบบธรรมชาติน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แล้วเราค่อยส่งบุญตามไปให้เขาจะดีกว่า
การที่มีครอบครัวโศกเศร้าเสียใจเกินไป ไม่เป็นผลดีต่อผู้ล่วงลับ เพราะวิญญาณของเขาจะห่วงอาลัย ทำให้ไปผุดไปเกิดไม่ได้ ตอนใกล้ตายไม่ควรร้องไห้อย่างเด็ดขาด แต่ควรพูดในสิ่งที่เป็นเรื่องดีที่เขาเคยทำมาก่อน หรือครอบครัวร่วมกันทำมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ และให้เขาได้ฟังคำสวดมนต์อย่างสม่ำเสมอไม่ว่าหลับหรือตื่นอยู่
ในกรณีที่คนป่วยเป็นคนที่จิตใจเข้มแข็ง การกำหนดจิตว่าตัวเองไม่ได้เป็นโรคร้าย หรือโรคร้ายกำลังหายไป คิดอย่างนี้ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ด้วยความเชื่อมั่น ก็มีโอกาสที่จะหายได้เหมือนกัน บางคนก็ไปนั่งวิปัสสนาอย่างเคร่งครัด ก็หายจากโรคร้ายได้เหมือนกัน เพราะเจ้ากรรมนายเวรที่รุมเร้าทำให้เขาเกิดวิบากกรรมนั้นให้อภัย และหลังการวิปัสสนา เรามักจะแผ่บุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร จนหมอสมัยใหม่สงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร ทั้งนี้ ผมเชื่อว่าเรื่องของพลังจิตใต้สำนึก สามารถกำกับดูแลร่างกายของเราได้ ยกเว้นว่าผู้นั้นถึงอายุขัยแล้วจริง ๆ
สำหรับผู้ที่ใกล้ตายและผู้ที่ยังอยู่ ผมขอแนะนำว่า เราทุกคนต้องตาย
ฉะนั้นอย่าไปเป็นห่วงว่าเราจะตายหรือไม่ เพราะยังไง ๆ ก็ต้องตาย สำคัญคือต้องหมั่นทำความดีทำบุญทำกุศลให้สม่ำเสมอ เพราะจะทำให้จิตของเราเป็นกุศล ตายไปแล้วก็จะไปเกิดในภพภูมิที่ดี
การคิดดีคิดบวกกับตัวเอง กับผู้อื่น และกับองค์กรหรือสังคม ก็เป็นการสร้างกุศลบุญบารมีให้กับตัวเองได้
“ความตาย” นั้นเราหนีไม่พ้นแน่ ๆ ฉะนั้นจงทำวันนี้ให้ดีหรือดีที่สุดอยู่เสมอ ได้แก่ การช่วยเหลือผู้อื่น ทำบุญทำทาน และคิดดีคิดบวกกับทุกสรรพสิ่ง เพราะเมื่อตายไปแล้วก็เอาทรัพย์สินที่เป็นรูปธรรมไปไม่ได้เลย เราเอานามธรรมไปได้อย่างเดียว คือ “ความดี”