สถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น ถ้าจะวิเคราะห์กันด้านข้อเท็จจริงแล้วก็อาจจะใช้เวลานานมาก และอาจจะมีผู้ที่จะพูดว่าข้อเท็จจริงเหล่านั้นไม่ถูกต้อง หรืออาจมีคนหาว่าถูกบิดเบือนก็ได้ ฉะนั้นผมคิดว่าน่าจะมองในแง่ธรรมะเสียจะดีกว่า
ในแง่ธรรมะ สิ่งที่เกิดในการเมืองไทยตอนนี้ เริ่มจาก
“กิเลสตัณหา” หรือพระท่านเรียกว่า “กิน กาม เกียรติ” จากการที่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในใจมากเกินไป และสิ่งเหล่านี้ที่ตนต้องการยังไปสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม และเกิดการขัดผลประโยชน์กันเกิดขึ้น
เมื่อมีการขัดผลประโยชน์ ต่อมาก็คือความขัดแย้ง และก็เกิดมีการช่วงชิงตามมาอีก เช่น ช่วงชิงเสียงสนับสนุน ช่วงชิงความศรัทธา ทั้งนี้สุดท้ายก็คือ ช่วงชิงผลประโยชน์
ในอดีตที่ผ่านมา การช่วงชิงผลประโยชน์ก็มีมาโดยตลอด
การฉ้อราษฎร์บังหลวงก็มีมาโดยตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่การช่วงชิงและการฉ้อราษฎร์บังหลวงจะมีมากมายขนาดในวันนี้ และกระทำอย่างมีแผนการ ไม่เหมือนในอดีตที่เป็นแบบตามน้ำหรือตามธรรมเนียมปฏิบัติ
ทั้งนี้เกิดจากการที่มีอยู่ฝ่ายหนึ่งมีความโลภสูงมาก มี “อัตตา” มีความมักใหญ่ใฝ่สูง โดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ตนต้องการนั้นจะถูกต้องตามทำนองครองธรรมหรือไม่
และเมื่อมีใครมาขัดขวางหรือตักเตือน ก็บังเกิด “ทิฐิมานะ” ไม่สนใจ คิดแต่จะได้ในสิ่งที่ตัวเองจะได้ ไม่สนใจว่าจะได้มาด้วยวิธีอะไร มีอะไรจะเสียหายยับเยินไปบ้างก็ตาม
บุคคลผู้นี้มีสมองดี มีความฉลาดปราดเปรื่อง ถ้าใช้ความฉลาดนี้ไปในทางพัฒนาประเทศ ประเทศน่าจะเจริญก้าวหน้ามากกว่านี้ แต่เนื่องจากการที่หลงในความฉลาด ความสามารถของตัวเองในทางที่ผิด คิดแต่จะทำให้ตัวเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศแบบไร้เทียมทาน
ในการเสริมสร้างอำนาจแบบนี้ ต้องก่อให้เกิดความขัดแย้ง ขัดผลประโยชน์ทั้งทางด้านส่วนตัว และทางการเมืองต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ถ้าบุคคลผู้นี้เป็นคนฉลาดจริง ๆ และไม่โลภอย่างสุดโต่ง เรื่องราวเช่นนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากเชื่อว่าตนนั้นฉลาดเหนือมนุษย์ ขาดการยืดหยุ่นกับฝ่ายตรงข้าม และมีอัตตาสูงมาก ๆ เหตุการณ์อย่างนี้จึงเกิดขึ้น
ในประวัติศาสตร์โลก วิบัติภัยที่ร้ายแรงต่อมนุษยชาติมักเริ่มต้นจากบุคคลคนเดียวที่มีความคิดชั่ว หรือมุ่งประโยชน์แก่ตนเอง หรือมีอุดมการณ์ที่ผิดมนุษย์ และสามารถปลุกปั่นด้วยวิธีต่าง ๆ ให้มีผู้ตามมาร่วมทำกิจกรรมตามความมุ่งหมายของตน จนทำให้เกิดมหันตภัยระดับโลก ต่อมวลมนุษยชาติ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้นับได้ว่าเป็นวิบากกรรมของประเทศไทยของเรา แต่ผมมีความเชื่อเสมอว่า “ธรรมะย่อมต้องชนะอธรรม” และเชื่ออีกว่าคนที่คิดร้ายหรือโกงชาติโกงแผ่นดินจะต้องได้รับโทษทั้งทางโลกและทางจิตวิญญาณ และเชื่อว่าหลังจากที่เหตุการณ์นี้สงบลง ประเทศไทยของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
ป.ล. บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2557
บทเสริม
คนคนนี้ก้าวมาไกล
ด้วยความยากลำบาก
ด้วยความพยายาม
จนถึงวันที่เขามีทรัพย์สินมากมาย
ซึ่งชาวพุทธทุกคนทราบว่า
ทรัพย์สินเหล่านั้นเขาเอาข้ามภพข้ามชาติไปไม่ได้
แต่สิ่งที่ชาวพุทธเข้าใจดีเช่นกันก็คือว่า
เราสามารถสะสมอริยะทรัพย์ ซึ่งก็คือ คุณงามความดี บุญกุศล
ซึ่งจะเป็นเหตุปัจจัยนำพาเราไปสู่ความสุขความเจริญในภพหน้าได้
คนคนนี้เป็นคนที่มีความฉลาดหลักแหลมมาก
ซึ่งถ้าเอาความฉลาดหลักแหลมนั้น มาสร้างประโยชน์ต่อมวลมนุษย์
ก็จะได้อานิสงส์อันยิ่งใหญ่และมีผู้คนสรรเสริญ
แต่คนคนนี้กลับใช้ความฉลาดหลักแหลม
ในวิถีทางที่ไม่ถูกต้อง
จนสร้างความเดือดร้อนต่อเพื่อนมนุษย์
ถึงแม้คนคนนี้จะมีเวลาเหลือในภพนี้อีกไม่มากแล้วก็ตาม
มั่นใจว่ายังมีโอกาส
ที่จะเปลี่ยนใจเปลี่ยนความคิดได้
และหันมาทำในสิ่งดี ๆ
โดยเอาตัวอย่างขององคุลีมาลที่ได้ทำบาปมามาก
ก็ยังกลับมาเป็นพระอรหันต์ได้
สิ่งที่เกิดขึ้นมาในคนคนนี้ก็คือ
อัตตา ความยึดมั่นถือมั่น
ความอาฆาตพยาบาท โลภ โกรธ หลง
ซึ่งติดข้ามภพข้ามชาติมา
จึงใคร่ขอให้เอาข้อเสนอนี้ไปพิจารณา
ขอให้อโหสิกรรมกับทุก ๆ คน
ที่ก่อวิบากกรรมไว้กับตนในอดีตชาติ
ขอให้หยุดเหมือนองคุลีมาลหยุด
และขอให้ตั้งอยู่ในสัมมาทิฐิตลอดไปในชาตินี้ด้วยเทอญ
*** ถ้าใครที่ได้ติดต่อหรือรู้วิธีที่จะส่งสาส์นนี้
ไปถึงคนคนนี้ ช่วยส่งไปให้ด้วย
จะเป็นบุญเป็นกุศลของผู้ส่ง
และต่อมวลมนุษยชาติอย่างใหญ่หลวง ***
ป.ล. บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2557